กำนันตำบลป่าป้อง นักอนุรักษ์ป่าชุมชน ผนึกกำลังร่วมกับ บริษัท กัลฟ์ และ บริษัท เชียงใหม่เวสท์ ทู เอ็นเนอร์จี เดินหน้ายุทธศาสตร์ “หุบเขาจุลินทรีย์แห่งดอยสะเก็ด ” ตั้งศูนย์เรียนรู้ป่าต้นน้ำห้วยต้นยาง คืนสมดุลให้ป่าชุมชนด้วยจุลินทรีย์ จ.เชียงใหม่
กำนันสมพงค์ เจริญศิริ ผู้นำนักอนุรักษ์ป่าไม้ ป่าต้นน้ำห้วยต้นยาง แห่งตำบลป่าป้อง อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ประธานกรรมการจัดการป่าชุมชน ที่สร้างผลงานการอนุรักษ์ป่าไม้ ป้องกันไฟ สำเร็จที่ประจักษ์ ล่าสุดได้รับมอบรางวัลองค์กรชุมชนดีเด่น ที่สามารถลดจุดความร้อน (Hotspot) และ บูรณาการป้องกันไฟป่าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในปี 2568 จากหน่วยงานกรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืช หน่วยงานควบคุมไฟป่า ฯ สำหรับป่าต้นน้ำห้วยต้นยางนั้น ครอบคลุมพื้นที่ 2,307 ไร่ ที่ทอดยาวจาก อำเภอดอยสะเก็ด บรรจบถึง เขตป่าไม้ อำเภอเวียงปาเป้า จังหวัดเชียงราย ที่มีชุมชนเครือข่ายอนุรักษ์ลุ่มน้ำแม่กวง-แม่ลาว หลายตำบล ฯ หุบเขาบริเวณนี้เป็นป่าต้นน้ำที่สำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดเชียงราย ที่ตั้งอยู่ใกล้ตัวเมืองเชียงใหม่ เพียง 10 กว่ากิโลเมตร เป็นป่าไม้ต้นน้ำที่สำคัญสัมพันธ์เชื่อมโยงในระบบนิเวศน์เมืองเชียงใหม่ และ พื้นที่ใกล้เคียง เป็นผืนป่าที่สำคัญของภูมิภาคเหนือและประเทศไทย
กำนันสมพงค์ เป็นผู้นำรุ่นใหม่ใจอนุรักษ์ ฯ เป็นผู้นำที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจและให้ความสำคัญต่อป่าไม้ระบบนิเวศน์ที่สัมพันธ์กับวิถีชีวติของชาวชุมชน กำนันสมพงค์ กล่าว่า “ป่าต้นน้ำห้วยต้นยาง ผมให้ความสำคัญมากที่สุดเพราะเป็นแหล่งทรัพยากรที่สำคัญต่อการดำรงชีวิตของชาวชุมชนที่หล่อเลี้ยงชีวิตของชาวบ้านเรา มาตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ปู่ย่าตายาย การเข้ามาทำงานตรงนี้เพราะเห็นถึงปัญหาและผลเสียต่อป่าและชุมชนซึ่งในอดีตห้วงหลายปีที่ผ่านมาชุมชนเรา พบว่า ป่าไม้มีความเสื่อมโทรมลงมาเป็นลำดับ มีปัญหาการลักลอบเผาป่า เกิดไฟป่าสร้างความสียหายต่อต้นไม้ใหญ่น้อยจำนวนมาก การลักลอบตัดไม้ทำลายป่า เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ผู้นำชุมชนที่ผ่านมาและชาวบ้านได้พยายามปกป้องรักษาอนุรักษ์กันมาอย่างต่อเนื่อง ร่วมมือกันกับหน่วยงานต่างๆ ซึ่งก็ดีขึ้นมาต่อเนื่อง จนมาถึงสมัยของผมเข้ามาเป็นกำนันและประธานคณะกรรมการอนุรักษ์ป่าไม้แห่งนี้ ได้ร่วมคณะกรรมการอนุรักษ์ป่าไม้ จัดระเบียบ กติกา การใช้ทรัพยากรในป่า การจัดชุดตรวจตราเวรยามชุดเคลื่อนที่เร็วในการป้องกันไฟป่า ดับไฟป่า และ ป้องกันการบุกรุก ลักลอบตัดไม้ทำลายป่า ฯลฯ ซึ่งเราทำแบบเข้มข้น จึงจังและต่อเนื่อง ได้ผลดีขึ้นมาก ลดปัญหาลงจำนวนมาก เกิดผลงานที่เป็นรูปธรรม ส่งผลให้ชุมชนสามารถยื่นขึ้นทะเบียนเป็นป่าชุมชนตามกฎหมาย ที่คณะกรรมการจัดการป่าชุมชน ดูแลป่าชุมชน ตามกฎหมาย สำเร็จ ในปี พ.ศ 2560 มาถึงปัจจุบัน”
สำหรับงานหลักๆ ที่สำคัญ ที่ดำเนินการ ได้แก่ 1) การเฝ้าระวังและป้องกัน การบุกรุกทำลายป่า และไม่ให้มีการเผาป่าหาเห็ด เรามีชุดเฉพาะกิจ คณะกรรมการอนุรักษ์ป่าชุมชนปฏิบัติการตลอดเวลา 2) การเฝ้าระวังและป้องกันไฟป่า และการทำแนวกันไฟ เป็นประจำทุกปี 3) การทำฝายกักเก็บน้ำชะลอน้ำและกันตะกอน เพื่อสร้างแหล่งต้นน้ำและความชุ่มชื้นของระบบนิเวศป่าชุมชน 4) พิธีสืบชะตาบวชป่ารักษาต้นไม้อนุรักษ์ป่าไม้ และ การปลูกต้นไม้ ปลูกป่าเพิ่มเติม 5) การเข้าร่วมโครงการคาร์บอนเครดิต กับหน่วยงานมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง 6) ประสานงานร่วมกิจกรรมอนุรักษ์ฟื้นฟูป่าไม้ร่วมกับเครือข่ายชุมชนลุ่มน้ำแม่กวง-แม่ลาว ศูนย์อนุรักษ์ห้วยฮ่องไครั มหาวิทยาลัยราชมงคลล้านนา เทศบาลตำบลป่าป้อง หน่วยงานป่าไม้ ในพื้นที่ หน่วยงานกรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืช หน่วยงานควบคุมไฟป่า ฯ หน่วยป้องกันและรักษาป่าไม้ ที่ 9 เชียงใหม่ อนุรักษ์ฯลฯ เพื่อการอนุรักษ์ฟื้นฟูป่าไม้ชุมชน 7) เข้าร่วมเป็นเครือข่ายอนุรักษ์ลุ่มน้ำแม่กวง – แม่ลาว เป็นต้น
ปี 2568 นับว่าเป็นการเปิดมิติใหม่ในการอนุรักษ์ฟื้นฟูป่าต้นน้ำห้วยต้นยาง เมื่อย้อนกลับไป เกือบ 3 ปี ที่ผ่านมา นายจิรศักดิ์ มีสัตย์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายชุมชนสัมพันธ์ กลุ่มบริษัทกัลฟ์ (GULF ) และ บริษัทเชียงใหม่ เวสท์ ทู เอ็นเนอร์จี จำกัด (CMWTE) มีนโยบาย ด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแดล้อม( CSR ) กับชุมชน และบริษัทฯ ให้ความสำคัญเรื่องการอนุรักษ์ป่าไม้ชุมชน และการดำเนินงานของชุมชนที่ดำเนินการอยู่ ได้มอบหมายนักวิชาการ คือ ดร.กฤษณ์ พงษ์เทพิน ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายชุมชนสัมพันธ์ กลุ่มบริษัท GULF อดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และนักวิชาการส่งเสริมด้านสิ่งแวดล้อม โดยยุทธศาสตร์ “เมืองจุลินทรีย์” เพื่อพัฒนาสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจชุมชน เข้ามาร่วมส่งเสริมการทำงานชุมชนและได้ประชุมวิเคราะห์ประเมินแนวทางการอนุรักษ์ฟื้นฟูป่าชุมชนห้วยต้นยาง ร่วมกัน (WORK SHOP) กับคณะกรรมการอนุรักษ์ป่าชุมชน ใช้เวลาการศึกษาลงพื้นที่และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกันกว่า 3 เดือน ผลการวิเคราะห์และข้อเสนอ สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นเพิ่มเติม ซึ่งเกิดเป็นมิติใหม่ของชุมชน คือ แนวทางที่ ดร.กฤษณ์ พงษ์เทพิน จาก (GULF) ได้ วิเคราะห์และนำไปสู่การสรุปร่วมกันว่า การอนุรักษ์ฟื้นฟูป่าไม้และการทำงานที่ผ่านมาประสบผลสำเร็จที่ดีในหลายด้านที่ควรดำเนินการต่อไป และผลที่ผ่านมาน่าพอใจ อย่างไรก็ตามในเชิงวิชาการมีประเด็นหนึ่งที่สำคัญยิ่ง หากชุมชนเพิ่มองค์ความรู้เกี่ยวด้าน “ฐานชีวภาพ” และ “จุลินทรีย์ กับนิเวศป่าไม้ (BIOBASED)” จะเพิ่มศักยภาพและความสามารถการทำงานและการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งต้องวางระบบ กำหนดยุทธศาสตร์ที่ชัดเจนเชื่อมโยงกับสภาพภูมิศาสตร์และระบบนิเวศป่าไม้ของเรา ส่งเสริมและพัฒนาองค์กรชุมชน เพื่อเป็นกลไกการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพและสามารถขยายผลสู่การ (BUSINESS MOMODEL) พัฒนาผลิตภัณฑ์ ธุรกิจชุมชน อาชีพ รายได้ชุมชน ควบคู่กับการพัฒนาสิ่งแวดล้อม ด้วย ตลอดจน การเป็นองค์กรประสานงานสร้างความร่วมมือของภาคส่วนต่างๆ หน่วยงานต่างๆ ภาครัฐ ท้องถิ่น หน่วยงานวิชาการ มหาวิทยาลัยฯ เครือข่ายชุมชน จะเกิดพลังขับเคลื่อนที่มีพลัง เป็นที่มาของ การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ “หุบเขาจุลินทรีย์แห่งดอยสะเก็ด” โดยมี กำนันสมพงค์ เจริญศิริ เป็นผู้นำที่สำคัญขององค์กร และ นายเจิดศักดิ์ ใจแก้วทิ สารวัตรกำนัน และคณะกรรมการจัดการป่าชุมชน ร่วมกันขับเคลื่อนโครงการ
กำนันสมพงค์ กล่าวว่า ปัจจุบันเราเดินหน้ายุทธศาสตร์ “หุบเขาจุลินทรีย์แห่งดอยสะเก็ด” ตั้งศูนย์เรียนรู้ป่าต้นน้ำห้วยต้นยาง คืนสมดุลให้ป่าชุมชนด้วยจุลินทรีย์ จ.เชียงใหม่ โดยการส่งเสริมและสนับจาก กลุ่มบริษัท GULF – CMWTE มีการดำเนินงานที่ความก้าวหน้าแล้ว ดังนี้ 1) การอบรมองค์ความรู้เกี่ยวกับระบบนิเวศน์ป่าไม้ องค์ความรู้ด้านฐานชีวภาพและจุลินทรีย์ (BIOBASED ) โดยองค์กรผู้เชี่ยวชาญมูลนิธิเกษตรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วิทยากรจากองค์กร ”เมืองจุลินทรีย์” เป็นต้น 2) การอบรมและศึกษาดูงานองค์ความรู้ “เทคโนโลยีการผลิตเชื้อเห็ดไมคอร์ไรซ่า และการปลูกพืชเศรษฐกิจด้วยเชื้อเห็ดไมคอร์ไรซ่า และการอนุรักษ์ฟื้นฟูป่าไม้ด้วยเห็ดไมคอร์ไรซ่า และการบริหารจัดการธุรกิจชุมชนสร้างรายได้จากเห็ดไมคอร์ไรซ่า ฯลฯ จาก มูลนิธิเห็ดไมคอร์ไรซ่า เพื่ออนุรักษ์และฟื้นฟูป่าไม้ (โดย ดร.สุจิตรา โกศล และ ผศ.ดร.วรรณา มังกิตะ มหาวิทยาลัยแม่โจ้แพร่เฉลิมพระเกียรติ เจ้าของผลงานวิจัยเกี่ยวกับเห็ดไคคอร์ไรซ่า จากการสนับสนุนจากสำนักงานวิจัยแห่งชาติและสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน))
3) องค์ความรู้ ด้านการบริหารจัดการองค์กรชุมชนและธุรกิจชุมชน โดย ดร.กฤษณ์ พงษ์เทพิน อดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เป็นต้น 4) การจัดตั้งองค์กร “ศูนย์เรียนรู้และอนุรัก์ป่าต้นน้ำห้วยต้นยาง” หมู่ 8 ต.ป่าป้อง อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ มีการจัดพื้นที่สาธารณะเป็นศูนย์เรียนรู้และก่อสร้างอาคารปฏิบัติการแล้ว 5) จัดโครงการปลูกป่าเพิ่มเติมในป่าไม้ชุมชน และ นำเชื้อเห็ดไมคอร์ไรซ่า คืนสู่ป่าชุมชน ครั้งที่ 3
6) จัดทำแปลงทดลองและนำร่องการปลูกไม้ป่าเศรษฐกิจด้วยเห็ดไมคอร์ไรซ่า ในพื้นที่ 2.5 ไร่ 7) จัดตั้งศูนย์เรือนเพาะชำและขยายกล้าไม้ป่า /กล้า ไม้ป่าใส่เชื้อเห็ดไมคอร์ไรซ่า เพื่อฟื้นฟูป่าชุมชน และ จำหน่ายเสริมรายได้ชุมชน 8) การเก็บเมล็ดพันธุ์ไม้ป่านานาชนิดเพื่อการอนุรักษ์และขยายพันธุ์กล้าไม้เชิงอนุรักษ์และขยายสู่ชุมชน สังคมต่อไป 9) พัฒนาระบบฐานข้อมูลชุมชนด้านการอนุรักษ์ป่าชุมชน ระบบการบริหารจัดการองค์กร การจัดการองค์ความรู้ต่างๆ ขยายการมีส่วนร่วมของชุมชนและเครือข่ายความร่วมมือต่างๆ เป็นต้น
“ปัจจุบันเราได้พัฒนาความรู้มากขึ้นมาก และจัดตั้งองค์กรขับเคลื่อนเป็นศูนย์เรียนรู้และธนาคารจุลินทรีย์ฯ ที่จะเสริมประสิทธิภาพการทำงานมากยิ่งขึ้น เรามีความรู้และโอกาสพัฒนา ผลิตภัณฑ์ชุมชน และมีการการสื่อสารและเกิดการประสานความร่วมมือหน่วยงานทุกภาคส่วนมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นการเสริมแรงเพิ่มศักยภาพเป็นพลังขับเคลื่อนงานอนุรักษ์ป่าพัฒนาสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจชุมชนอย่างเป็นระบบขึ้น ตอนนี้ผมและคณะทำงานมีความเชื่อมั่นและได้เกิดผลประโยชน์ต่อชุมชนแล้ว ในขณะนี้มีการฟื้นฟูป่าชุมชนมากขึ้นเป็นลำดับ เราจะมุ่งมั่นขับเคลื่อน บนยุทธศาสตร์ “หุบเขาจุลินทรีย์แห่งดอยสะเก็ด” คืนสมดุลให้ป่าชุมชนด้วยจุลินทรีย์ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของชุมชน เพื่อสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศนที่ดีของชาวดอยสะเก็ดและจังหวัดเชียงใหม่ ขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ได้ร่วมมือกันตลอดมา และ ขอบคุณยิ่งในการส่งเสริมและสนับสนุนจาก GULF -CMWTE ขอบคุณพี่น้องประชาชน ชาวตำบลป่าป้อง ชาวดอยสะเก็ด และเครือข่ายลุ่มน้ำชุมชนทุกแห่ง เราจะร่วมกันรักษาป่าไม้และสิ่งแวดล้อมร่วมกันเพื่อเราทุกคน” กำนันสมพงค์ เจริญศิริ กล่าว