วันอาทิตย์, 3 สิงหาคม 2568

สจป.1 จี้หน่วยงานใช้ประโยชน์ป่า เร่งยื่นคำขอใช้ ขีดเส้นตาย แค่! 25 สิงหา เท่านั้น

ผอ.สจป.1 เชียงใหม่ วอนหน่วยงานรัฐที่ต้องขอใช้พื้นที่ป่า เร่งยื่นคำขอ เดดไลน์ 25 ส.ค. 68 นี้ ชี้มติ ครม. ผ่อนผันครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว เผยขั้นตอนง่ายกว่าเดิมมาก ลดขั้นตอน “ให้หน่วยงานขอใช้รับรองตัวเอง” ยื่นที่ สจป.1 ตรวจสอบพิกัด ความถูกต้อง ชงกรมป่าไม้อนุญาต ส่วน ป่า 2484 ผอ.สจป. อนุญาตได้เลย อาคาร รพ.สต. สนง.อบต. ให้รีบยื่น เน้นย้ำถนนที่ผ่านพื้นที่ต้องทำ EIA ยิ่งต้องเร่งขอใช้

จากประเด็นที่ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เรียกหน่วยงานราชการทุกระดับจากทั่วประเทศ ประชุมเร่งรัดการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี พร้อมระบุย้ำ ว่า วันที่ 25 สิงหาคม 2568 นี้ จะเป็นวันสุดท้ายในการยื่นคำขออนุญาตใช้พื้นที่ป่าไม้ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568 และจะไม่มีการผ่อนผันอีก การผ่อนผันครั้งนี้ถือเป็นโอกาสพิเศษสุดท้ายสำหรับหน่วยงานของรัฐ นายปิยะพงษ์ ประพันธ์วัฒนะ ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ ที่ 1 (เชียงใหม่) (ผอ.สจป.1) ชี้แจงถึงมติ ครม. เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2568 เปิดเผยว่า เรื่องมติ ครม. วันที่ 25 ก.พ. 2568 ไม่ใช่มติครั้งแรก มตินี้เกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 3 เป็นการต่อเนื่องจากมติ ครม. ที่เคยมีมาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรก มติ ครม.เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. 2563 สาระสำคัญคือ หน่วยงานราชการ หน่วยงานรัฐใดที่ใช้ประโยชน์ในที่ป่า อาทิ ที่ตั้งสำนักงาน โครงการสารธูปโภคต่างๆ ไฟฟ้า ประปา ถนน เหล่านี้เข้าไปดำเนินการในป่า แต่ยังไม่เคยได้ขอหรืออนุญาตจากเจ้าของพื้นที่คือ กรมป่าไม้ ให้มายื่นขออนุญาตขอใช้ให้ถูกต้อง

“เดิมที่ตามมติ ครม. 23 มิ.ย. 2563 ให้ไปยื่นที่ สนง.ทสจ.จังหวัด หลังจากนั้นก็รวบรวมส่งต่อให้กับ สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ในพื้นที่ เพื่อดำเนินการตรวจสอบสภาพป่า แล้วรายงานกรมป่าไม้เพื่อให้การอนุญาตต่อไป สาระสำคัญคือ เป็นหน่วยงานของรัฐที่ดำเนินการก่อนได้รับอนุญาต ไม่ใช่เป็นพื้นที่เปล่าที่จะมาขออนุญาตทำใหม่ ก็ให้มาขออนุญาตให้ถูกต้องเพื่อการใช้งบประมาณลงไปในพื้นที่นั้นได้อย่างถูกต้อง มติครั้งนี้พอถึงวันสุดท้ายของการให้ดำเนินการปรากฏว่า ยังมีหน่วยงานของรัฐที่ยังไม่ยื่นหรือยื่นขออนุญาตไม่ทัน บางหน่วยงานขาดผู้แทนหน่วยงานที่จะยื่นขออนุญาต จึงทำให้ขาดคำขอที่ยังไม่ได้ยื่นอีกเป็นจำนวนมาก” นายปิยะพงษ์ฯ กล่าว

ผอ.สจป.1 กล่าวอีกว่า จากคำร้องที่ยังคงค้างอยู่อีกมากในแต่ละพื้นที่ได้ประมวลปัญหาข้อขัดข้องต่างๆ รายงานต่อ รมว.กระทรวงทรัพย์ฯ ที่สุดได้มีมติ ครม.ออกมาอีกครั้งเพื่อให้โอกาสหน่วยงานของรัฐที่มีปัญหาดำเนินการให้ถูดต้อง เป็นมติ ครม. วันที่ 11 พฤษภาคม 2564 เป็นครั้งที่ 2 เกี่ยวกับเรื่องนี้ ก็ให้เวลาในการดำเนินการยื่นคำร้องภายใน 180 วัน สิ้นสุดช่วงปลายเดือนกันยายน 2564

“จากมติ ครม.ทั้ง 2 ครั้ง เฉพาะในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ที่ยื่นผ่านทาง ทสจ.เชียงใหม่ มีประมาณ 9,700 กว่าคำขอ พอส่งให้กรมป่าไม้ เมื่อทำการประมวลแล้วทั้งเรื่องความซ้ำซ้อนของพื้นที่ มีพื้นที่อยู่ในเขตอุทยานบ้าง ส่วนหนึ่งเป็นป่าตาม พรบ. 2484 จึงได้ตัดคำขอออกไป สุทธิเหลือคำขอที่ได้รับการตรวจแล้ว 6,539 คำขอ จากนั้นได้แจ้งผู้เจ้าของคำขอทำแบบรับรองตัวเองเพื่อเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบสภาพป่า ซึ่งทั้ง 6 พันกว่าคำขอผ่านกระบวนการต่างๆ แล้ว ได้รายงานให้กรมป่าไม้ 739 คำขอ และได้รับอนุญาตแล้ว 102 คำขอ ส่วนที่เหลือจาก 739 คำขอ ก็จะทยอยอนุญาต คาดว่าน่าจะได้รับอนุญาตภายใน 2 เดือนนี้ ส่วนที่คงค้างก็เข้าสู่กระบวนการต่างๆ ตามขั้นตอนต่อไป” ผอ.สจป.1 กล่าว

“จาก ครม. 2 ครั้งแรก กระบวนหรือขั้นตอนมีมากพอสมควร เพราะเมื่อหน่วยงานรัฐยื่นคำขอเข้ามาแล้วต้องให้เจ้าพนักงานหน่วยงานป่าให้ในพื้นที่เข้าตรวจสภาพป่า ร่วมกับเจ้าพนักงานป่าไม้จังหวัด และเจ้าหน้าที่จากจังหวัด 3 ฝ่ายร่วมกันออกไปตรวจ ซึ่งเป็นปัญหาประการหนึ่งที่ทำให้การดำเนินการล่าช้า ที่สุดก็มีมติ ครม. อีกครั้งเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568 มีสาระสำคัญที่เป็นหัวใจของมติ ครม. ครั้งนี้ 2 ประการคือ ประการแรก ยังมีหน่วยงานที่ยังค้างอีกไหมที่ยังไม่ยื่นขออนุญาต ก็ให้ขอเข้ามา ซึ่งครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งจะครบเวลาการผ่อนผันในวันที่ 25 สิงหาคม 2568 ซึ่งท่านรัฐนตรีกระทรวงทรัพย์ฯ ได้ประชุมกำชับเน้นย้ำหน่วยงานต่างๆ เมื่อวันก่อน เมื่อสิ้นสุดวันที่ 25 สิงหาคม แล้ว หน่วยงานรัฐใดที่ดำเนินการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าไปแล้วและยังไม่ยื่นขออนุญาตก็จะขอไม่ได้อีกต่อไปแล้ว” นายปิยะพงษ์ฯ กล่าว

“ประการที่ 2 ที่เป็นหัวใจสำคัญของมติ ครม.ล่าสุด คือ กระบวนการใน 2 ครั้งแรกที่ต้องมีเจ้าหน้าที่ร่วมกันออกไปตรวจสอบสภาพป่าก่อนที่จะรายงานกรมป่าไม้ มติ ครม.ครั้งนี้ตัด ไม่ต้องออกไปตรวจ เพราะหน่วยงานรัฐที่ใช้พื้นที่ป่านั้น ล้วนเป็นหน่วยงานที่ดำเนินการในพื้นที่อยู่แล้ว ก็ให้ทำแบบรับรองตัวเอง ซึ่งกรมป่าไม้ได้ทำแบบฟอร์มให้ดำเนินการ ก็ในรับรองมาในคำขอว่า หน่วยงานรัฐนั้นได้ดำเนินการก่อสร้างจัดทำอะไร พิกัดไหน แนบประกอบคำขอเข้ามา และให้ยื่นคำขอที่สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ในพื้นที่นั้นๆ เชียงใหม่ก็ยื่นที่ สจป.1 (เชียงใหม่) ต่อจากนั้น ทาง สจป.ก็จะทำการตรวจสอบพิกัดกับแผ่นที่ 1 : 50,000 ซึ่งมีอยู่แล้ว จับพิกัดหากถูกต้องว่ามีการดำเนินการจริง ก็จะรายงานกรมป่าไม้ ซึ่งหากเป็นพื้นที่ป่าไม้ตาม พรบ.2484 ก็ให้อำนาจ ผอ.สจป. ลงนามได้เลย ซึ่งจะรวดเร็วกว่าเดิมมาก เพราะมติ ครม. 25 กุมภาพันธ์ 2568 ออกมาเพื่อแก้ปัญหาให้กับหน่วยงานราชการที่ใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าโดยตรง ทำให้ขั้นตอนการอนุญาตเร็วขึ้น” ผอ.สจป.1 กล่าว

นายปิยะพงษ์ ประพันธ์วัฒนะ กล่าวต่อว่า โครงการที่หน่วยงานรัฐใช้ประโยชน์จากพื้นที่ป่า ตัวอย่างก็มี ในส่วนของ สาธารณสุขจังหวัด ก็จะเป็น ที่ตั้งโรงพยาบายส่งเสริมสุขภาพตำบล ซึ่งจะมีทั้งที่ตั้งอยู่ในป่าสงวน ในป่าตาม พรบ.2484 ที่ทำการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นโดยเฉพาะ ที่ทำการ อบต. บางแห่งยังไม่ได้ขออนุญาตใช้พื้นที่ป่า รวมถึงถนนที่อยู่ในป่าซึ่งบางเส้นทางสำคัญมากโดยเฉพาะที่ตัดผ่านป่าต้นน้ำบางพื้นที่ การดำเนินการเพื่อให้ได้ใช้พื้นที่ต้องทำ EIA ค่าใช้จ่ายในการทำแทบจะเท่ากับงบทำถนน แต่มติ ครม. นี้ ทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมแบบย่อ หรือ EC สามารถที่จะดำเนินการได้เอง ที่ผ่อนผันให้ได้เพราะถนนมีอยู่แล้ว ใช้สัญจรกันอยู่แล้ว การขอก็เพื่อให้ถูกต้อง

สำหรับจังหวัดเชียงใหม่และลำพูน ยังมีคำขอเข้ามาที่สำนักงานจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 เชียงใหม่ (ข้อมูลถึง 25 ก.พ. 68) เชียงใหม่ยังมีคำขออนุญาตใช้พื้นที่ป่าเข้ามาจำนวน 156 คำขอ เป็นคำขอใช้ในพื้นที่ป่าสงวน 72 คำขอ ป่า ตาม พรบ. 2484 จำนวน 84 คำขอ ส่วนจังหวัดลำพูนมีคำขอเข้ามาทั้งสิ้น 39 คำขอ แยกเป็นคำขอใช้พื้นที่ป่าสงวน 9 คำขอ และขอใช้ในพื้นที่ป่า ตาม พรบ. 2484 จำนวน 30 คำขอ สำหรับ ป่าตาม พรบ. 2484 คือ พื้นที่ที่ไม่ได้ระบุว่าเป็นที่ดินประเภทใด ให้จัดเป็นพื้นที่ป่า

“ยังมีเวลาอีกถึงวันที่ 25 สิงหาคม 2568 ซึ่งจะเป็นวันสุดท้ายของการผ่อนผัน ทาง สจป.1 เชียงใหม่ เองก็พยายามประชาสัมพันธ์ไปยังหน่วยงานต่างๆ มีการทำหนังสือเวียนไปยังหน่วยงานต่างๆ 200 กว่าหน่วยงาน ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ในการประชุมหัวหน้าส่วนราชการต่างๆ ก็มีการแจ้งให้เป็นที่รับรู้อีกทาง ก็ขอให้หน่วยงานที่ยังไม่ได้ขอรีบส่งคำขอเข้ามาที่ สจป.1 เชียงใหม่ ก่อนวันที่ 25 ส.ค. 2568 นี้ ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะผ่อนผัน ท่านรัฐมนตรีแจ้งแล้วว่า ไม่มีครั้งต่อไปอีก” นายปิยะพงษ์ ประพันธ์วัฒนะ ผอ.สจป.1 กล่าว