ไฟป่าหมอกควัน 2568 เชียงใหม่ เป็นไปตามเป้า ดัชนีชี้วัด 4 ตัวไม่เกินกว่าเป้าหมาย Hot Spot เกิดลดลงร้อยละ 60 พื้นที่เผาไหม้ลดลงร้อยละ 27 จำนวนวัน PM2.5 เกิน 37.5 mg ลดลงร้อยละ 36 พร้อมเปิดเวทีถอดบทเรียนเพื่อประมวลข้อมูลวางแผนรับมือปัญหาไฟป่าหมอกควันในปีต่อๆ ไป
วันที่ 30 มิถุนายน 2568 ที่ห้องประชุมโรงแรมคุ้มภูคำ จ.เชียงใหม่ นายศิวกร บัวป้อง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานเปิดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพื่อถอดบทเรียนการแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) จังหวัดเชียงใหม่ 2568 นายสมคิด ปัญญาดี ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่ (ทสจ.เชียงใหม่) กล่าวรายงาน โดยมี หน่วยงาน ปกครอง ป่าไม้ เกษตร ทหาร กอ.รมน. ท้องถิ่น ภาคประชาสังคม กว่า 300 คน ร่วมการสัมมนา
นายสมคิด ปัญญาดี ทสจ.เชียงใหม่ กล่าวว่า สถานการณ์ไฟป่าหมอกควันจังหวัดเชียงใหม่ ปี 2568 ได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนเป็นอย่างดียิ่ง ส่งผลให้การปฏิบัติงานเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 31 พฤษภาคม 2568 พบว่าจุดความร้อนที่เกิดจากการลักลอบเผา การหาของป่า ล่าสัตว์ และการเผาด้วยความคึกคะนอง เกิดขึ้นจำนวน 4,709 จุด ลดลงจากค่าเฉลี่ย 5 ปี ย้อนหลัง ร้อยละ 60 ในส่วนพื้นที่เผาไหม้ (Burn Scar Area) ทั้งหมด 704,453 ไร่ ลดลงจากค่าเฉลี่ย 5 ปี คิดเป็นร้อยละ 27
“ในส่วนจำนวนวันที่ค่าคุณภาพอากาศ (PM2.5) เกิน 37.5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร จำนวน 60 วัน ลดลงจากค่าเฉลี่ย 5 จำนวน 36 วัน คิดเป็นลดลงร้อยละ 34 และจำนวนผู้ป่วยโรคปอดอุดกั้นรื้อรัง หรือ COPD เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลในช่วงสถานการณ์ จำนวน 9,234 คน ลดลงจากค่าเฉลี่ย 5 ปี คิดเป็นร้อยละ 54 ถือได้ว่าในปี 2568 จังหวัดเชียงใหม่ประสบความสำเร็จในการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ได้ดีขึ้นจากปี 2567 ซึ่งเกิดจากความร่วมมือจากทุกภาคส่วนและประชาชนในพื้นที่ ส่งผลให้สถานการณ์คลี่คลายลงอย่างรวดเร็ว” ทสจ.เชียงใหม่ กล่าว
สำหรับเป้าหมายตัวชี้วัดของปี 2568 จังหวัดเชียงใหม่ กำหนดไว้ว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2568 จำนวนจุดความร้อน (Hot Spot) ไม่เกิน 8,103 จุด หรือไม่เกินร้อยละ 25 พื้นที่เผาไหม้ (Burn Scar Area) ไม่เกิน 724,335 ไร่ หรือไม่เกินร้อยละ 25 จำนวนวันที่ค่าคุณภาพอากาศ (PM2.5) เกิน 37.5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ไม่เกิน 75 วัน หรือไม่เกินร้อยละ 20 และจำนวนผู้ป่วยโรคปอดอุดกั้นรื้อรัง หรือ COPD เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลในช่วงสถานการณ์ ไม่เกิน 16,093 ครั้ง หรือไม่เกินร้อยละ 20