วันศุกร์, 26 เมษายน 2567

สส.เต้ แนะ “น้องตู่” คิดแค่เป็น สส. ก่อน นายกน่ะยาก เปิด 13 นโยบาย เวทีแรกเชียงใหม่ดาราร่วมแจม

พรรคไทยศรีวิไลย์เปิดเวทีปราศรัยแรกที่เชียงใหม่ “สส.เต้” นำทีมแจงนโยบาย 13 ด้าน ช่วยประชาชนได้จริงทุกคนทั้งประเทศ หยอด “น้องตู่” พรรครุ่นน้อง ขอให้ได้เป็น สส. เป็นฝ่ายค้านก่อน ค่อยคิดเป็นนายก วางกลยุทธ์ไม่ซื้อเสียงเพื่อไม่ต้องเรียกคืนทุน ไม่ต้องเอาใจเจ้าสัว อ้อนถ้าประชาชนให้โอกาสมากเพียงใดทำงานให้มากเพียงนั้น ขอทำงานแค่ 2 สมัย เลิกเล่นการเมือง เปิดตัว “ติ๊ก บิ๊กบราเทอร์” อดีตหวานใจพระเอกศรราม ส่งลงชิงชัย สส.อ่างทอง

 

วันที่ 19 ก.พ. 66 ที่อาคารตลาดนัดศรีบุญเรือง อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ พรรคไทยศรีวิไลย์ นำโดย นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ พร้อมด้วย นางสาวภคอร จันทรคณา พลโท อัศวิน รัชฎานนท์ นายวิวัฒน์ เจริญพาณิชย์ศิริ รองหัวหน้าพรรค นายศยุน ชัยปัญญา เลขาธิการพรรค นายสรกฤช จันทรคณา โฆษกพรรค และกรรมการบริหารพรรค เปิดเวทีปราศรัยเวทีแรกของเชียงใหม่ โดยเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร สส.เชียงใหม่ และแถลงนโยบายพรรค 13 ด้าน ให้แก่ประชาชนในพื้นที่ อ.แม่ริม และพื้นที่ใกล้เคียงที่มาร่วมรับฟังการปราศรัยกว่า 300 คน พร้อมกันนี้ได้สร้างความฮือฮา กับการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร สส. เขต 2 อ่างทอง นางสาวกนิษฐรินทร์ พัชรภักดีโชติ กุ้งพลอย หรือ ติ๊ก บิ๊กบราเทอร์ อดีตภรรยา ศรราม เทพพิทักษ์ และ ลูกศร ดาราละครจักรๆ วงศ์ๆ ช่อง 7 สี นางสาวอรศศิพัชร์ มามีเกตุรัตน์ โฆษกประจำตัว ส.ส.มงคลกิตติ์ฯ บนเวทีหาปราศรัยแรกของพรรคไทยศรีวิไลย์ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ด้วย

บนเวทีปราศรัยมีการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร สส.จ.เชียงใหม่ เบื้องต้นมีส่งลงชิงชัยด้วยกัน 6 เขต โดยมาปรากฏตัวในครั้งนี้ 4 คน ได้แก่ นายมงคล บุญล้ำ ว่าที่ผู้สมัคร สส.เขต 5 นายกรินท์ บุญตันสา ว่าที่ผู้สมัคร สส.เขต 8 นายอดิชาติ รุ้งธนาสมศักดิ์ ว่าที่ผู้สมัคร สส.เขต 9 และ นายสมบูรณ์ ถากว้าง ว่าที่ผู้สมัคร สส.เขต 11 ส่วนที่ไม่ได้มาร่วมเวทีด้วย มี นายพิสิษฐ์ โรจนะบริบูรณ์ ว่าที่ผู้สมัคร สส.เขต 7 และ นายเกตุวิโรจน์ สุต๋าคำหิรัณธ์ ว่าที่ผู้สมัคร สส.เขต 10 ซึ่ง นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ แจงว่า เบื้องต้นเฟ้นตัวผู้สมัครได้ 6 คน จากเชียงใหม่ที่มี สส.ได้ 11 คน ยังพอมีเวลาที่จะหาเพิ่ม และหาเป็นไปได้ก็จะส่งให้ครบทั้ง 11 เขตเลือกตั้งของเชียงใหม่ ต่อจากนั้นเป็นการสับเปลี่ยนการปราศรัยของกรรมการบริหารพรรมที่เดินทางมาร่วมเวทีด้วย โดยเน้นนโยบายสำคัญที่พรรคไทยศรีวิไลย์กำหนดเป็นโมเดลในการสู้ศึกเลือกตั้ง 2566 นี้ ซึ่งปิดท้ายเวทีปราศรัย โดย นายมงคลกิตติ์ฯ หรือ สส.เต้ ที่ขึ้นมาเน้นย้ำว่า นโยบายทั้ง 13 ด้าน นั้นสามารถทำได้จริง โดยมีตอนหนึ่งที่หยอดถึงนายกลุงตู่ว่า พรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นพรรคใหม่ที่เพิ่งตั้งขึ้นมาไม่นาน ฉะนั้นก็เป็นพรรคน้องของพรรคไทยศรีวิไลย์ ตนก็เรียกได้ว่า “น้องตู่” ก็ขอฝากว่า ให้เข้ามาเป็น สส. ให้ได้ก่อน แล้วค่อยไปพูดถึงการจะเป็นนายกรัฐมนตรี

เสร็จสิ้นการปราศรัย นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ให้สัมภาษณ์ว่า สำหรับพื้นที่เชียงใหม่ซึ่งมี 11 เขตเลือกตั้ง ก็พยายามที่จะส่งให้ครบ ตอนนี้ก็ขอแบ่งมาซัก 6 เขต เพื่อจะได้ช่วยผลักดันให้นโยบายที่วางไว้สำเร็จ นโยบายทุกด้านที่ความโดดเด่นแตกต่างกันแต่มีความสัมพันธ์กันต้องไม่ด้วยกัน และจะต้องมีเม็ดเงินเข้ามาทำให้นโยบายให้สำเร็จ เงินอีกส่วนก็ต้องนำไปใช้หนี้ที่รัฐบาลที่ผ่านๆ มาสร้างไว้ ก็จะเป็นรัฐบาลแรกที่มาใช้หนี้

“สำหรับการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมหากมีเสียงในสภามากๆ ก็สามารถทำได้ ขณะนี้จะเห็นได้ว่า ตราชั่งมันเอียง หากว่าได้บริหาร ในช่วง 4 ปี การปฏิรูปจะได้อย่างน้อย 50% คงจะไม่ถึง 100 เพราะว่ามีกระบวนการคอรัปชันอำนาจอย่างหนึ่งในกระบวนการยุติธรรม การสืบสวนสอบสวน การแต่งตั้งโยกย้าย มีบางคนลาออก เพราะใช้ระบบโควตา ซึ่งมีทั้งจ่ายเงิน ทั้งทำงาน เอื้อประโยชน์ หลายๆ สำนวนคนมีเงินจะได้เปรียบ อย่างเช่น ขับรถชนคนตาย จึงต้องมีการแก้ไขประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เกี่ยวกับพยานต่างๆ แยกงานสืบสวนสอบสวน เพื่อให้สอดคล้องกันอย่างเป็นระบบ” นายมงคลกิตติ์ฯ กล่าว

หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ กล่าวอีกว่า กลยุทธของพรรคอื่นซึ่งมีพรรคอยู่ซัก 10% จากพรรคที่มีอยู่ขณะนี้ 86 พรรค ซื้อเสียง พรรคเหล่านี้จะมีหัวคะแนนคอยซื้อเสียง ก็จะซื้อทำกันไปทับกันมา ทั่วประเทศเขตเลือกตั้งหนึ่งจะมีราว 1 แสนคน ก็จะมีคนรับเงินแล้วการาว 6 หมื่นคน แต่จำนวนนี้จะแย่งกันหลายพรรค ส่วนที่เหลือจะมีคนที่ซื้อไม่ได้เลย คนรุ่นใหม่ กลุ่มนี้แทบไม่ต้องลงทุน ทำนโยบายไปแลก ก็ไม่ต้องไปเรียกทุนคืนเมื่อเป็น สส. ไม่ต้องเกรงใจพวกนายทุน ไม่เหมือนกับนักการเมืองรุ่นเก่าที่พอจะเลือกตั้งทีก็จะไปขอเงินเจ้าสัว เจ้าสัว จ.จาน เจ้าสัว ธ.ธง เจ้าสัว ส.เสือ เจ้าสัวก็จะลงขันจ่ายทุกพรรค แล้วเอาเงินนั้นมาซื้อเสียง เมื่อได้อำนาจก็จะเอื้อ 3 เจ้าสัว ประชาชนก็จะเป็นลำดับสุดท้าย ก็จะไม่เอาแบบนั้น มีพรรคการเมืองแค่ 10% ที่เป็นแบบนั้น แต่ไม่ใช่พรรคไทยศรีวิไลย์

“ประเด็นของ “ลุงตู่” ยังไม่ต้องพูดถึงนายกรัฐมนตรี เอาง่ายๆ ให้ได้เป็น สส. ก่อน เมื่อเป็น สส.เสร็จก็ให้ได้เป็นฝ่ายค้านก่อน อย่าเพิ่งพูดถึงนายกรัฐมนตรีเพราะเป็นไปไม่ได้ ยากมาก เพราะว่าพรรคการเมืองที่สู้เขต และมาโดยสุจริตต้องส่งตัวแทนไปเฝ้าหน่วยเพื่อดู กกต. นับคะแนน คะแนนที่ประชาชนลงจะได้ไม่หายไปไหน ส่วนจำนวน สส. ที่คาดหวังก็คาดไว้ว่า ให้ได้เข้ามามากที่สุดก็แล้วกัน ถ้าพี่น้องประชาชนให้พรรคไทยศรีวิไลย์มากแค่ไหน ก็จะทำให้มากเท่านั้น และฝากว่านโยบายทั้ง 13 ข้อนี้ ทำได้จริง ทุกคนที่อยู่ในประเทศไทยจะได้รับประโยชน์จากนโยบายนี้ทุกคน ขอให้ได้ทำ แค่ 2 สมัยคงครบ พอ 2 สมัยครบ ก็เลิกเล่นการเมือง” นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ กล่าว

สำหรับนโยบายของพรรคไทยศรีวิไลย์ซึ่งมีด้วยกัน 13 ด้าน พอสรุปที่โดดเด่นได้ว่า นโยบายด้านเศรษฐกิจ ให้ทุกครอบครัวกู้เงินดอกเบี้ยถูกครอบครัวละ 150,000 บาท ผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ได้เบี้ยผู้สูงอายุ 5,000 บาทต่อเดือน ด้านพลังงาน ราคาน้ำมันไม่เกินลิตรละ 25 บาท ราคาแก๊สไม่เกินถังละ 350 บาท ค่าไฟฟ้าไม่เกินหน่วยละ 4 บาท ด้านการเกษตร ปุ๋ยต้องมีราคาลดลง จัดตั้งสำนักงานทนายรัฐเพื่อให้บริการแก่ประชาชนโดยไม่มีค่าใช้จ่าย จัดทั้งธนาคารแรงงานเพื่อนำเงินจากกองทุนประกันสังคมออกให้ผู้ใช้แรงงานได้มีโอกาสกู้ โครงการเรียนฟรี ชุดนักเรียนฟรี รวมถึงการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม