วันศุกร์, 26 เมษายน 2567

“ฐิติรัตน์” นัดทายาทถกสินส่วนตัว “พ่อเลี้ยงชูชาติ” ล่ม ถกรอบ 2 จัดการมรดกยังไม่คืบ

นัดประชุมถกทรัพย์สินพ่อเลี้ยงปางช้างแม่สาล่ม ทายาทเหลือประชุมแค่ 3 คน ทนายความฝั่ง “ฐิติรัตน์” ชี้ต้องการจัดการทรัพย์สินส่วนตัวเพื่อโอนให้ทายาท ส่วนสินสมรสของนายชูชาติฯ ยังอยู่ในชั้นศาล

วันที่ 23 ส.ค. 65 วันที่ผ่านมา เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ห้องทับทิม โรงแรมฟูรามา เชียงใหม่ นายอัคคพาคย์ อินทรประพงศ์ และนายพิมลศักดิ์ วรรณประภา ทนายความ ได้ร่วมกันชี้แจงต่อสื่อมวลชนถึงการจัดประชุมทายาทมรดกชอง นายชูชาติ กัลมาพิจิตร พ่อเลี้ยงปางช้างแม่สา รวมทั้งแถลงข้อเท็จจริง กรณีพินัยกรรมและการจัดการมรดก โดยก่อนที่จะมีการแถลงข่าวทนายความแจ้งสื่อมวลชนให้ออกไปจากห้องประชุมก่อนเพื่อจัดประชุมร่วมกับทายาทเท่านั้น หลังจากที่ นางอัญชลี กัลมาพิจิตรได้เดินทางมาถึง ซึ่งต่อมา นางอัญชลีฯ ได้นำเอกสารแสดงต่อสื่อมวลชน ซึ่งเป็นหนังสือนัดให้มาประชุมและตรวจสอบทรัพย์มรดก โดยไม่ได้แจ้งว่าได้มีการนัดสื่อมวลชนมาด้วยเพื่อจัดการแถลงข่าว แต่ก็ไม่มีคนเริ่มประชุม จึงได้เดินทางกลับ

นายอัคคพาคย์ฯ ชี้แจงว่า ในฐานะที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นทนายความจาก นางฐิติรัตน์ กัลมาพิจิตร เพื่อจัดการมรดกของนายชูชาติ กัลมาพิจิตร โดย นางฐิติรัตน์ กัลมาพิจิตร ในฐานะผู้จัดการมรดกร่วมได้เชิญทายาทของนายชูชาติฯ ซึ่งมีอยู่ 6 คนมาร่วมประชุม แต่วันนี้มีทายาทที่เข้าร่วมประชุมเพียง 3 คน จึงทำให้ไม่สามารถดำเนินการตามวัตถุประสงค์ที่เชิญประชุมในครั้งนี้มีวาระอยู่ 5 ข้อ ได้แก่ ข้อ 1 ชี้แจงการประชุม ครั้งที่ 1 ข้อ 2 ชี้แจงรายละเอียดทรัพย์มรดก ข้อ 3 ชี้แจงผู้มีสิทธิรับมรดกและวันนัดโดนทรัพย์มรด ประกอบด้วย รถยนต์ บ้นและที่ดินที่เป็นสินส่วนตัวของ นายชูชาติ กัลมาพิจิตร ให้กับ บริษัท ปางชางแม่สา จำกัด ข้อ 4 กำหนดวันนัดตรวจสอบทรัพย์มรดกและวันนัดโอนทรัพย์มรดก(รถยนต์ บ้านและที่ดินส่วนตัวของ นายชูชาติ กัลมาพิจิตร) ข้อ 5 ชี้แจงผู้จัดการมรดกร่วมขอเบิกเงินจากบัญชี นายชูชาติ กัลมาพิจิตร จำนวน 500,000 – 1,000,000 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการจัดการมรดกตามพินัยกรรม(ตามพินัยกรรมข้อ 4) ข้อ 6 เรื่องอื่นๆ (ถ้ามี)

นายอัคคพาคย์ฯ แจงว่า การนัดประชุมทายาทในครั้งนี้ก็เพื่อต้องการชี้แจงที่ประชุมถึงผลการประชุมทายาทฯ ครั้งที่ 1 ซึ่งครั้งนั้นนางอัญชลีฯ ในฐานะผู้จัดการมรดกร่วมก็ไม่ได้เข้าร่วมประชุมด้วย รวมถึงจะชี้แจงถึงทรัพย์มรดกที่ได้รวบรวมมา เพื่อที่จะจัดการโอนทรัพย์สินที่เป็นสินส่วนตัวของนายชูชาติฯ ให้เป็นไปตามพินัยกรรมของนายชูชาติฯ ซึ่งมีทั้งบ้าน ที่ดิน คอนโดมิเนียมและรถยนต์กว่า 30 รายการ รวมมูลค่าตามราคาประเมินของทางราชการประมาณ 30 กว่าล้านบาท โดยทั้ง 30 กว่ารายการนี้เป็นทั้งสินสมรสและสินส่วนตัว จะแยกในส่วนที่เป็นทรัพย์สินส่วนตัวซึ่งได้มาก่อนการสมรสกับนางฐิติรัตน์ฯ จัดการโอนให้กับทายาทของนายชูชาติฯ ส่วนที่เป็นสินสมรสนั้นยังไม่สามารถดำเนินการได้เพราะเป็นทรัพย์สินที่อยู่ในคดีซึ่งยังอยู่ในชั้นศาล เมื่อแยกทรัพย์สินส่วนตัวออกมาได้ก็จะกำหนดวันนัดโอนให้กับทายาท

“ตอนแรกที่เห็นนางอัญชลีฯ เดินทางมาถึงก็ดีใจว่าจะเข้าร่วมประชุมเรื่องการจัดการมรดก แต่ก็ไม่ได้มีการประชุม ก็จะทำให้การจัดการโอนทรัพย์สินยังทำไม่ได้ ซึ่งครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 2 แล้วที่เชิญทายาทของนายชูชาติฯ ซึ่งมีทั้งหมด 6 คน มาประชุม และต้องการชี้แจงถึงเหตุการณ์ที่นางอัญชลีฯ ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกร่วมไปเปิดตู้เชฟที่เจ้าของบ้านซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกร่วมไม่อยู่ด้วยว่าไม่ถูกต้อง และดูจากวันนี้เรื่องปัญหามรดกของนายชูชาติฯ คงไม่จบง่ายๆ หากมีการยื้อกันไปมา ฟ้องกันไปฟ้องกันมาแบบนี้” ทนายความ กล่าว

ทั้งนี้หนังสือเชิญประชุมซึ่งลงนามโดย นางฐิติรัตน์ กัลมาพิจิตร ผู้จัดการมรดกร่วม เชิญทายาท นายชูชาติ กัลมาพิจิตร 6 คนประชุม ประกอบด้วย อัญชลี กัลมาพิจิตร เชิดพงค์ กัลมาพิจิตร อำภา กัลมาพิจิตร เชิดศักดิ์ กัลมาพิจิตร พิชกร กัลมาพิจิตร และอภิสรา กัลมาพิจิตร