วันศุกร์, 26 เมษายน 2567

กองบิน 41 ติดป้ายหราสั่งปิดสนามกอล์ฟสตาร์โดม ผู้บริหารโต้สัญญาหมดปี 2580 ยันสู้ถึงที่สุด

31 ก.ค. 2020
2187

วันที่ 31 ก.ค. 63 ที่สนามกอล์ฟพิมานทิพย์ หรือ สนามกอล์ฟสตาร์โดม อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ดร.พรรณวิภา กฤษฎาพงษ์ ผู้บริหารสนามกอล์ฟสตาร์โดม พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายงานทั่วไป จัดให้มีการประชุมพนักงานขึ้นและเตรียมการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน แต่ก่อนที่จะมีการแถลงข่าว ทางเจ้าหน้าที่ทหารได้เข้ามายุติห้ามมีการแถลงข่าว พร้อมกันนี้ได้เชิญนักข่าวออกนอกพื้นที่ และขอร้องให้ผู้บริหารสนามกอล์ฟดังกล่าวให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวด้านนอกพื้นที่รับผิดชอบของกองบิน 41

ดร.พรรณวิภา กฤษฎาพงษ์ ผู้บริหารสนามกอล์ฟสตาร์โดม เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากทางกองบิน 41 ในนามของกองทัพอากาศ เจ้าของพื้นที่สนามกอล์ฟพิมานทิพย์ (สตาร์โดม) อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ได้ขึ้นป้ายประกาศแจ้งเจ้าของผู้รับสัมปทานบริหารสนามกอล์ฟฯ (คู่สัญญาเช่าพื้นที่) ให้ยุติกิจการและขอให้ออกจากพื้นที่ภายในวันนี้ (31 ก.ค. 63) โดยมีข้อความว่า “กองบิน 41 แจ้งยุติกิจการ และขอให้ออกจากพื้นที่ ตามที่ทางกองบิน 41 ได้อนุญาตให้ “บริษัท เดอะ สตาร์โดม จำกัด” ใช้ประโยชน์ในพื้นที่ของกองบิน 41 และสัญญาอนุญาตได้สิ้นสุดลงแล้วเมื่อ 30 เมษายน 2563 นั้น บัดนี้ ได้สิ้นสุดระยะเวลาตามที่ทางกองบิน 41 ได้อนุโลมในการใช้ประโยชน์ในพื้นที่แล้ว กองบิน 41 ขอแจ้งให้ทราบโดยทั่วกันว่า การให้บริการสนามฝึกช้อมกอล์ฟในนาม “เดอะ สตาร์โดม และสนามฝึกซ้อมกอล์ฟพิมานทิพย์” จะสิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการใน 31 กรกฎาคม 2563 นี้ และกองบิน 41 จะปิดพื้นที่อย่างไม่มีกำหนดตั้งแต่ 1 สิงหาคม 2563 เป็นต้นไป กองบิน 41 สงวนสิทธิ์ไม่มีความเกี่ยวข้องกับการดำเนินการหรือสิทธิประโยชน์ใดๆ ระหว่างผู้ประกอบการพนักงาน ลูกจ้างหรือลูกค้าที่มีต่อ “เดอะ สตาร์โดม และสนามฝึกข้อมกอล์ฟพิมานทิพย์” ทั้งสิ้น จึงแจ้งให้ทราบโดยทั่วกัน”

ภายหลังจากมีประกาศดังกล่าว ได้สร้างความสับสนให้กับหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งผู้บริหารสนามกอล์ฟ พนักงาน ลูกจ้าง และลูกค้านักกอล์ฟอย่างมาก โดยเฉพาะพนักงานบางคนที่ทำงานมานานและมีความผูกพันกับบริษัท ถึงกับปล่อยโฮ เพราะยังไม่ทราบชะตากรรมว่าจะตกงานหรือไม่

ต่อมา ทางผู้บริหารสนามกอล์ฟฯ นำโดย ดร.พรรณวิภา กฤษฎาพงษ์ ได้ชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว บริเวณภายในอาคารของสนามกอล์ฟสตาร์โดมฯ มีผู้บริหาร พนักงาน ลูกจ้าง ร่วมประชุม ท่ามกลางผู้สื่อข่าวจำนวนมากมาร่วมสังเกตการณ์ ต่อมามีเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ทหาร ร้อย.สห.บน.41 มาสังเกตการณ์ด้วย และไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวเข้าร่วมรับฟังการประชุมชี้แจง และไม่อนุญาตให้มีการแถลงข่าวใดๆ อ้างว่าเป็นพื้นที่รับผิดชอบของทหารอากาศและเป็นพื้นที่หวงห้าม หากจะแถลงต้องทำเรื่องขออนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรก่อน ทั้งนี้เหตุการณ์ดำเนินไปต่อเนื่องด้วยความเรียบร้อย

ต่อมา ดร.พรรณิภาฯ ได้นำคณะผู้บริหาร พร้อมพนักงาน และผู้เกี่ยวข้อง รวมทั้งแคดดี้กว่า 300 ชีวิต กราบสักการะศาลพระภูมิภายในสนามกอล์ฟเพื่อความเป็นสิริมงคล ก่อนพากันเดินออกจากพื้นที่นอกประตูสนามกอล์ฟเพื่อให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน

ดร.พรรณวิภาฯ เปิดเผยว่า บริษัทสตาร์โดมฯ ได้ชนะการประมูลได้รับสิทธิ์การบริหารสนามกอล์ฟแห่งนี้เป็นเวลา 30 ปี (ปี2550-2580) ก็ได้บริหารเรื่อยมา บริษัทฯ ใช้เงิน 200 กว่าล้านบาท ลงทุนสร้างสนามกอล์ฟขนาดมาตรฐาน 9 หลุม ช่องไดร์ฟกอล์ฟ รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวก ปรับปรุงภูมิทัศน์ต่างๆ ต่อมาได้รับแจ้งจากทางกองทัพอากาศว่า สัญญาเดิม 30 ปี ยาวนานเกินไป เกรงจะมีข้อจำกัดต่างๆ จึงขอให้ทำสัญญาขึ้นใหม่ เป็นสัญญา 3 ปี และจะมีการต่อสัญญาก่อนที่จะครบ 3 ปี ในแต่ละรอบ โดยในแต่ละรอบสัญญาจะขอปรับเพิ่มค่าเช่าขึ้น 5%

“ตรงนี้เราก็ยอมรับทำตามเรื่อยมา สัญญาล่าสุดต่อปี 60-63 ครบกำหนดแล้ว เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2563 ที่ผ่านมา ก็ได้รับแจ้งมาอีกว่าขอปรับเปลี่ยนรายละเอียดสัญญาเช่าใหม่ โดยขอปรับค่าเช่าขึ้น 500% และระบุว่าเนื้อหาในสัญญาจะถูกปรับแก้เมื่อไหร่ก็ได้ รวมถึงพื้นที่เช่าส่วนไหนจะถูกตัดปรับแก้อย่างไรก็เป็นของกองทัพอากาศด้วย ตรงนี้เราจะรับได้อย่างไร” ดร.พรรณวิภาฯ กล่าว

ดร.พรรรวิภา กล่าวอีกว่า จากสถานการณ์โควิด-19 ผลประกอบการ-รายได้ลดลงอย่างมาก อยู่กันอย่างยากลำบาก อย่างที่ทราบกันดีว่ามีผลกระทบเป็นบริเวณกว้าง เราได้เข้าไปเจรจากับคู่สัญญาฯ เพื่อขอความเห็นใจ การเจรจาก็ไม่เป็นผล แถมทางคู่สัญญายังได้แจ้งอีกว่าจะเปิดประมูลให้เอกชนรายใหม่เข้ามาบริหาร โดยเปิดโอกาสให้สตาร์โดมมีสิทธิ์ร่วมการประมูลสัมปทานครั้งใหม่ ทั้งที่เรามีสัญญายาวถึงปี 2580 ตรงนี้หมายความว่าอย่างไร เราต้องยอมรับอย่างนั้นหรือ? พนักงานเรา 300 ชีวิตจะอยู่ยังไง? เราเป็นเอกชนไม่อยากจะมีเรื่องกับส่วนราชการอยู่แล้ว โดยเฉพาะทหาร ใครๆ ก็รู้ดี เราไม่อยากถูกรังแก จึงอยากขอความเห็นใจ ขอยืนยันว่าเราจะไม่ไปไหน จะเปิดให้บริการตามปกติ เพราะเรามีสิทธิ์โดยชอบธรรมตามสัญญา และขอให้พนักงานทุกคนมั่นใจและตั้งหน้าตั้งตาทำงานต่อไปจนกว่าจะหมดสัญญาปี 2580 ซึ่งจะต่อสู้จนถึงที่สุด