วันเสาร์, 12 ตุลาคม 2567

“ปนัดดา” รับลูกช้าง มช. เยือนวังวรดิศ ย้ำ “ความซื่อสัตย์” เป็นหลักชัยให้ชีวิตก้าวสู่ความสำเร็จ

วันที่ 28 พ.ค. 61 ที่ห้องประชุม ชั้น 3 หอสมุดสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ วังวรดิศ หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติราชการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะประธานพิพิธภัณฑ์และหอสมุดสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้บรรยายพิเศษ เรื่อง “สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ” ให้แก่นักศึกษาคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่เข้าเยี่ยมชมวังวรดิศ และหอสมุดสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ

ตามหนังสือซึ่ง ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์อาวุธ ศรีศุกรี อุปนายกสภามหาวิทยาลัย รักษาการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มีหนังสือแจ้ง หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล ประธานพิพิธภัณฑ์และหอสมุดสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ โดยขออนุญาตให้ผู้ช่วยศาสตราจารย์ปราณี วงศ์จำรัส และอาจารย์ปิยาภัสร์ จารุสวัสดิ์ อาจารย์ที่ปรึกษา นำนักศึกษาคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เข้าเยี่ยมชมวังวรดิศ และหอสมุดสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ในวันที่ 28 พ.ค. 61

พร้อมกันนี้หลังจากเสร็จสิ้นการบรรยาย คุณอัมพร ดิศกุล ณ อยุธยา ให้การต้อนรับคณาจารย์และนักศึกษาในการเข้าเยี่ยมชมตำหนักใหญ่พิพิธภัณฑ์สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ในบริเวณวังวรดิศ พร้อมรับประทานอาหารว่าง ณ ระเบียงด้านหลังตำหนักใหญ่พิพิธภัณฑ์ฯ

ทั้งนี้ในการบรรยายมีความตอนหนึ่งว่า…..เยาวชน คือ ความหวังของชาติบ้านเมืองในทุกยุคสมัย ลูกๆ หลานๆ มาเยี่ยมวังวรดิศ วังซึ่งเคยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ องค์ปฐมเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย ซึ่งสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ฯ ได้มอบรางวัลเกียรติยศแก่ทายาทชั้นหลานของเสด็จในกรม คือ อดีตเอกอัครราชทูต หม่อมราชวงศ์สังขดิศ ดิศกุล ประการสำคัญที่ผู้คนกล่าวชื่นชมกันอย่างกว้างขวาง คือ การไม่ขาย การไม่ให้เช่า ตามที่มีผู้ติดต่อมาขอซื้อและขอเช่าเป็นจำนวนมาก แต่เป็นความแน่วแน่มั่นคงที่คุณพ่อ (ม.ร.ว.สังขดิศ) จะดำรงรักษาวังวรดิศเป็นแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ และเป็นสถานศึกษาคุณธรรม วังวรดิศได้รับพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณจากพระบรมวงศานุวงศ์มาโดยตลอดระยะเวลาอันยาวนานมากถึง ๖ แผ่นดิน

สิ่งหนึ่งที่สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ประทานสอนแก่ศิษย์โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย โรงเรียนเทพศิรินทร์ โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย และโรงเรียนดาราวิทยาลัย คือ เรื่อง ‘ความซื่อสัตย์สุจริต’ ที่ผมใคร่ขอฝากคณาจารย์และนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ทุกท่านช่วยกันสืบสานขยายผล

“ความซื่อสัตย์’ หมายถึงหัวใจแห่งการดำรงชีวิตของคนทุกคนบนโลกใบนี้ ผู้ใดไม่ปฏิบัติคือบาปทางใจที่ตามติดตัวไปเรื่อย คนทุกคนต้องมีหลักศีลธรรมเป็นหลักชัยหรือเป้าหมายเพื่อก้าวไปสู่ความสำเร็จในชีวิต จะยากดีมีจน ใหญ่โตเพียงไหน ต้องมีจริยธรรม ถือเป็นคุณสมบัติในทางบวก เป็นคุณสมบัติควบคู่กับหลักคุณธรรม และขาดไม่ได้จากชีวิตปุถุชนเพื่อให้เกิดความสำเร็จในการดำเนินชีวิต เช่น ความซื่อสัตย์สุจริต ความจริงใจ ความอ่อนน้อมถ่อมตน ความเป็นสุภาพชน และความตรงไปตรงมา รวมถึงการงดเว้นการโกหกหลอกลวง การทุจริตคดโกง ความลุแก่อำนาจ ข่มเหงรังแกผู้คน สิ่งนี้ คือ ตัวนำสังคมสู่ความตกต่ำ สำคัญไปกว่านั้น บรรพบุรุษไทยได้อบรมสั่งสอนเราทุกคนไว้ว่า ความซื่อสัตย์ คือ หลักสุจริตธรรมอันนำพาคนทุกคนไปสู่สิ่งที่ดีกว่า เป็นที่เชิดหน้าชูตา เป็นที่ไว้วางใจเคารพนับถือของผู้คนที่เราต้องยึดมั่นเป็นอุดมการณ์แห่งชีวิต หาใช่ปฏิบัติในทางตรงข้าม กลายเป็นสิ่งที่เรียกว่า ทั้งผิดพลาดและบกพร่อง สุดท้ายแล้วพาลงเหวลงนรก”